หน้าหลัก
ITA
LPA
ประกาศจากระบบ e-GP
ประกาศจากระบบ e-GP ในเครือข่าย
 
หน้าหลัก
หน้าหลัก
ข้อมูลหน่วยงาน
ข้อมูลหน่วยงาน
บุคลากร
บุคลากร
การบริหาร
บุคคล
การบริหาร
บุคคล
ข่าวสาร
ข่าวสาร
แผน
แผน
รายงาน
รายงาน
ระเบียบ
ระเบียบ
บริการ
ประชาชน
บริการ
ประชาชน
 
องค์การบริหารส่วนตำบล ดงขวาง ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ
ยินดีต้อนรับสู่
องค์การบริหารส่วนตำบลดงขวาง
ท้องถิ่นก้าวหน้า ชาวประชาสุขใจ
การเกษตรแนวใหม่ ห่วงใยธรรมชาติ
1
2
3
 
ดูแลกายและใจ... ในหน้าหนาว
Alternative Therapy ดูแลกายและใจ...ในหน้าหนาว

          ความดันโลหิตสูง มีกรดในกระเพาะ หรือคอเลสเตอรอลสูง อาการจากร่างกายเหล่านี้มีผลมาจากฤดูกาล หากรู้เท่าทัน คุณก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและอาหารให้เข้ากับฤดูกาลก็จะช่วยให้คุณฟิตกระฉับกระเฉง ทั้งนี้ ฤดูหนาวเป็นฤดูกาลที่มนุษย์ต้องการความสงบร่างกายทำงานเชื่องช้า เราจึงควรเตรียมรับมือกับอากาศหนาวเย็นที่กำลังย่างกรายมา

เกิดอะไรกับร่างกายในฤดูหนาว

          เราคงไม่ได้หลับไหนอนซุกผ้าห่มตลอดวันตลอดคืน แต่ระบบเผาผลาญในร่างกายของเรานี่สิที่หยุดความกระตือรือร้นในฤดูนี้ นั่นคือ ชีพจรเต้นช้าลงเล็กน้อย รวมทั้งจำนวนเม็ดเลือดแดงก็ลดน้อยลงจึงส่งผลให้เลือดไหลเวียนที่กล้ามเนื้อน้อยลงด้วย และในทางตรงกันข้าม ความดันโลหิตก็สูงขึ้นเพราะเส้นเลือดหดตัวอันเนื่องมาจากอากาศที่หนาวเย็น หากอากาศขมุกขมัว แสงแดดอ่อนแรง ก็จะส่งผลให้การผลิตฮอร์โมนซีโรโทนินลดลงในขณะที่ฮอร์โมนเมลาโทนินในเลือดเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนแห่งการนอนหลับก็ลดความต้องการทางเซ็กซ์ และในขณะเดียวกันคอเลสเตอรอลก็สูงขึ้น อันเนื่องมาจากความดันโลหิตสูงเพราะขาดการออกกำลังกายและรับประทานอาหารไม่ตรงกับฤดูกาล นอกจากนี้ ภูมิต้านโรคก็ต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพราะเรามีอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล หรือเป็นไข้หวัดใหญ่

เกิดอะไรกับจิตใจของคุณ

          จากการศึกษาพบว่า จิตใจและสมองของมนุษย์ต้องการแสงสว่างจากดวงอาทิตย์อย่างน้อยที่สุด 2,000 Lux เพื่อรักษาความสมดุลของจิตใจ ผู้คนในประเทศตะวันตกมักเป็นโรคซึมเศร้าในฤดูหนาวเพราะขาดแสงแดด แม้ว่าประเทศไทยจะมีแสงแดดอย่างเพียงพอก็ตาม คุณก็ควรบำรุงจิตใจตัวเอง เช่น เข้าสปา อาบน้ำแร่  หรือหากอารมณ์ไม่ดีก็รับประทานช็อกโกแลตสักเล็กน้อย

ฟิตร่างกายให้มีสุขภาพดี

          ในฤดูหนาวคุณควรนอนหลับยาวขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง เพราะฮอร์โมนเมลาโทนินทำให้ง่วงในฤดูหนาว หากใครที่ปฏิบัติตามนาฬิกาชีวิตก็จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะระหว่างการนอนหลับดึก ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแอนตี้เอจิ้งซึ่งจะช่วยในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่ๆ เกิดภูมิด้านทานโรคขึ้นใหม่ และมีการขจัดฮอร์โมนแห่งความเครียด ในฤดูหนาวจึงควรรับประทานโปรตีนให้เพียงพอและควรรับประทานอาหารอุ่นๆ เช่น แกงจืด ผัก อาหารที่มีเนื้อสัตว์ เช่น ปลา หรือถั่ว และดื่มชาใส่เครื่องเทศ (เช่น อบเชย)

สิ่งที่ต้องระวัง

          หากเส้นเลือดหดตัวในฤดูหนาวจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี ผู้ที่มีปัญหาไขข้อก็จะปวดมากขึ้นในฤดูนี้ หรือผู้ป่วยโรคหืดก็มีปัญหากับหลอดลม หากมีอาการของโรคกำเริบก็ควรไปพบแพทย์นอกจากนี้ ก็ควรใส่ใจสุขภาพด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นโดยเฉพาะบริเวณอุ้งเชิงกรานและเท้าเพื่อให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงในฤดูหนาวนี้



เขียนโดย   คุณ JP>>
วันที่ 15 ธ.ค. 2553 เวลา 05.53 น. [ IP : 124.122.237.226 ]
หน้าหนาว ดื่มเหล้า แกล้มปิ้ง ย่าง รมควัน ระวัง !!!
______????____?????_____????____

"หนาวจังเลย...หาอะไรดื่มคลายหนาวดีกว่า" เชื่อว่าหลายท่านคงจะคิดอย่างนี้เมื่อลมหนาวพัดผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคนในต่างจังหวัดที่นั่งผิงไฟไปดื่มน้ำเมาไป หรือคนกรุงเทพฯ ซึ่งมีสถานที่ให้ดื่มคลายหนาว (ลานเบียร์) มากมาย ตั้งล่อตาล่อใจตามห้างดัง แต่หยุดก่อน! แวะอ่านสักนิดก่อนคิดจะดื่ม

         เพราะล่าสุด นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาพูดว่า ฤดูหนาวทุกปีจะมีประชาชนบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานและเกษตรกรนิยมดื่มเหล้า เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นร่างกาย แก้หนาวได้ นักดื่มบางรายหลังดื่มเหล้า เชื่อว่าไม่ต้องสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นก็ได้ เพราะเหล้าทำให้อุ่นอยู่แล้ว ซึ่งในทางการแพทย์จัดว่า เป็นความเชื่อที่ผิดและเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก และมีข่าวผู้เสียชีวิตจากความเชื่อดังกล่าวทุกปี

         ที่น่าสนใจคือ สาเหตุการเสียชีวิตหลังดื่มเหล้าในหน้าหนาว เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้หลอดเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนังเกิดการขยายตัว ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนว่าร่างกายอบอุ่นขึ้น ซึ่งจากการที่หลอดเลือดฝอยขยายตัว จะเป็นช่องทางให้ความร้อนในร่างกายถูกระบายออกได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ยิ่งดื่มเหล้ามากขึ้นเท่าใด ความร้อนก็จะถูกระบายออกจากร่างกายมากขึ้นไปด้วย ผลตามมาก็คือจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลงกว่าปกติ หากเผลอนอนหลับไป ทำให้ร่างกายสัมผัสอากาศเย็นเป็นเวลานาน ทำให้เสียชีวิตได้

         โดยโฆษกกระทรวงสาธารณสุขยังบอกทิ้งท้ายว่า หากนั่งดื่มเหล้าขณะผิงไฟไปด้วย ก็อาจเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้เสื้อผ้า ผิวหนังพุพองจากความร้อน เปลวไฟ หรือไฟไหม้บ้านได้ จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง



เขียนโดย   คุณ JP>>
วันที่ 15 ธ.ค. 2553 เวลา 12.56 น. [ IP : 124.122.237.226 ]
สมุนไพรพิชิตหนาว รักษาสุขภาพในหน้าหนาว
----+++-----+++----+++-----+++----+++----

+ หน้าหนาวควรดูแลร่างกายอย่างไร
ด้วย อากาศที่หนาวเย็น เราควรอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นและเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่หนา แต่บางครั้งการอาบน้ำอุ่นจะทำให้ผิวแห้งง่ายกว่าอาบน้ำเย็น เพราะน้ำมันที่ผิวหนังจะถูกชะล้างออกไป รวมทั้งความชื้นของอากาศที่ลดลง ก็จะเพิ่มให้ผิวแห้งแตกและคันได้ง่าย ดังนั้น สาวๆ ควรจะดูแลร่างกายในช่วงหน้าหนาวนี้เป็นพิเศษ โดยสามารถนำเอาสมุนไพรพื้นบ้านมาประยุกต์ใช้ดูแลผิวพรรณ อย่าง น้ำมันงา ขมิ้นชัน ผิวมะนาว และผิวมะกรูด

................................................
สมุนไพรดูแลผิวพรรณ
+++++++++++++++
+ น้ำมันงา นำ งาดิบประมาณ 1 ถ้วย โขลกให้ละเอียด บีบเอาน้ำมันจากงาเก็บไว้ในขวด ทาผิวตอนเช้าและก่อนนอน น้ำมันงาจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการแห้งแตกและคัน
+ ขมิ้นชัน มีสรรพคุณช่วยลดอาการคันและช่วยลดอาการผดผื่นตามผิวหนัง เพียงนำขมิ้นชันสดมาล้างให้สะอาด โขลกให้ละเอียด บีบน้ำที่ได้นำมาทาผิว หลังอาบน้ำเช้า-เย็น แต่อาจจะมีสีของขมิ้นติดตามเสื้อผ้าที่สวมใส่
+ ผิวมะกรูด น้ำมันที่ผิวของมะนาวและมะกรูด จะช่วยเคลือบผิว ให้ชุ่มชื้น ลดอาการคัน ลดการอักเสบ โดยนำมะนาวที่ใช้แล้ว ส่วนบริเวณผิวด้านนอกของมะนาว มาทาผิวบริเวณที่แห้งคัน เช้า-เย็น ก็จะช่วยลดอาการคันได้



เขียนโดย   คุณ JP>>
วันที่ 16 ธ.ค. 2553 เวลา 11.02 น. [ IP : 124.122.226.52 ]
10 เคล็ดลับ พิชิตความหนาว
+++++++++++++++++++

+1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้เพียงพอและครบ5หมู่ ดื่มน้ำให้มากๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แล้วอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ

+2. ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน โดยเฉพาะน้ำอุ่นซึ่งจะช่วยให้ร่างกายของคุณอุ่นขึ้น นอกจากนี้ควรรับประทานผักผลไม้ เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นจากภายใน

+3. รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ ใส่เสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น ตอนกลางคืนควรใส่ถุงเท้าจะได้ไม่เป็นหวัด

+4. การอาบน้ำไม่จำเป็นต้องฟอกสบู่หรือถ้าจะฟอกให้ฟอกเพียงบางจุดก็ได้ หากอยู่ในที่ที่อากาศหนาวมากๆอาจไม่จำเป็นต้องอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง และไม่ควรอาบน้ำนานๆ

+5. ไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัดจนเกินไป  เพราะน้ำอุ่นจะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป  และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีฟองมากๆ เพราะจะทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้น

+6. ทาโลชั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำขณะที่ตัวยังหมาดๆจะช่วยป้องกันผิวแห้ง แตก ลอก ในฤดูหนาวได้

+7. ริมฝีปากแห้งแตก ควรได้รับการบำรุงเช่นกัน ควรหาลิปมัน ลิปปราม ปิโตเลีม และที่สำคัญ ไม่ควรเลียริมฝีปากบ่อยๆ เพราะจะยิ่งทำให้ปากแห้งแตกมากขึ้น

+8.ในช่วงหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องสระผมบ่อยๆ เพราะจะทำให้เส้นผมแห้งแตกปลายได้ง่าย และยังทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปจนเกิดรังแคได้อีกด้วย

+ 9. การเลือกเสื้อกันหนาวก็สำคัญ บางคนเลือกซื้อเสื้อกันหนาวมือสอง เนื่องจากมีราคาถูก แต่ก็อาจนำเชื้อโรคต่างๆ ติดมาด้วย ก่อนนำไปสวมใส่ควรต้มในน้ำเดือด และซักให้สะอาด แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท

+10.  ถ้าทำได้ทั้ง 9 ข้อรับรองเพื่อนๆจะมีความสุขกับหน้าหนาวนี้แน่นอน *-*



เขียนโดย   คุณ JP>>
วันที่ 21 ธ.ค. 2553 เวลา 09.02 น. [ IP : 124.122.225.4 ]
++โรคผิวหนังที่มาพร้อมหน้าหนาว++
+++++=====+++++=====+++++

+++++ลมหนาวเริ่มพัดโบกมา บรรยากาศชวนให้ถวิลหาใครสักคนอันเป็นที่รัก แต่พอต้องไปประสบพบหน้ากันที่ไรในหน้าหนาวแบบนี้ มีเหตุให้ต้องหงุดหงิดใจทุกที ก็หน้าหนาวอย่างนี้เป็นที่รู้กันอยู่ว่าสาวๆมักเจอปัญหาผิวหน้า ทำอย่างไรก็ไม่หาย เห็นใจสาวๆกลัวว่าจะหน้าพังกันทั่วหน้าเลยรีบไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้เรื่องอย่างไร เชิญทางนี้เลยค่ะ
+++++หากสังเกตกันดู เราจะเห็นว่าเมื่อลมหนาวโชยมาบวกกับความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ มักจะส่งผลให้เกิดปัญหาผิวหนังและคัน หลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าอาการคันเหล่านี้เกิดจากผิวแห้ง หรือไม่ก็เกิดจากความสกปรก จึงใช้สบู่กระหน่ำฟอกถูทาๆบริเวณนั้นมากขึ้น จนอาการก็หนักขึ้นเช่นกัน บวกกับสาเหตุจาก ความเครียดและการอยู่ห้องแอร์เป็นเวลานาน หรือถูกแสงแดดจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่การนิยมดื่มเครื่องดื่มร้อนจัดจะพลาดทำให้เราถูก"โรคเซ็บเดิม" หรือรังแคของผิวหน้าเล่นงานเอาได้ ซึ่งเป็นโรคที่พบมากขึ้นในคนไทยโดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว
+++++ในเรื่องนี้ น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนัง เปิดเผยว่า ขณะนี้พบโรคเซ็บเดิมในคนไทยบ่อยขึ้นมาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว มีความเครียดและการอยู่ห้องแอร์เป็นตัวกระตุ้นสำคัญ พบโรคนี้บ่อยมากในฤดูหนาว เพราะอากาศแห้ง โดยเซ็บเดิม เป็นโรคในกลุ่มเดียวกับรังแคและโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ โรคเซ็บเดิมจะแสดงอาการเป็นผื่นแดงตามหน้าผาก ข้างแก้ม คิ้ว หรือเป็นผื่นมีขุยที่เหนือคิ้ว ร่องจมูก แนวไรผม
ถ้าเป็นชนิดรุนแรง แผลจะเห็นได้ชัดเจนมากซึ่งดูแล้วไม่ต่างไปจากโรคสะเก็ดเงิน นอกจากพบผื่นที่ใบหน้าแล้วยังอาจพบผื่นที่หนังศีรษะคล้ายรังแค แต่หนังศีรษะจะมีผื่นแดง และยังพบตามตำแหน่งอื่น ๆ ที่มีต่อมไขมันมาก ได้แก่ ในรูหู หลังหู ในสะดือ และ
หัวเหน่า เป็นต้น ในบางรายอาจมีอาการคัน ตำแหน่งที่พบเซ็บเดิมเป็นตำแหน่งเดียวกับที่พบโรคสิว เพราะพบในบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานมากเช่นกัน
+++++น.พ.ประวิตร กล่าวถึงปัจจัยของการเกิดโรคว่า ในอดีตโรคเซ็บเดิมนี้พบบ่อยในฝรั่ง แต่ปัจจุบันคนไทยมีสภาพความเป็นอยู่คล้ายชาวตะวันตกและมีความเครียดสูงขึ้น จึงทำให้พบอาการเช่นนี้มากขึ้นตามไปด้วย ปัจจัยที่ทำให้โรคเซ็บเดิมหรือรังแคของผิวหน้ากำเริบ ได้แก่ ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวหน้าแห้ง ล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยครั้งเกินไป การโดนแสงแดดจัด ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนจัด เหล่านี้ล้วนทำให้รังแคของผิวหน้ากำเริบได้
+++++นอกจากนี้ยังพบว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคเอดส์จะเป็นเซ็บเดิมอย่างรุนแรง แต่คนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นโรคเอดส์ก็พบโรคเซ็บเดิมได้บ่อยเช่นกัน จึงไม่ควรวิตกกังวลว่าถ้าเป็นโรคเซ็บเดิมแล้วจะต้องเป็นเอดส์เสมอไป
+++++แนวทางในการรักษาโรคนี้ คือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นดังกล่าว หากเป็นมากควรพบแพทย์ผิวหนัง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาทาที่เหมาะสม เช่น ครีม ทาลดเชื้อยีสต์ หรือครีมสเตียรอยด์อย่างอ่อน เนื่องจากโรคนี้มักเป็น ๆ หาย ๆ ผู้ป่วยจึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป เพราะจะทำให้เครียดและโรคยิ่งกำเริบขึ้น

++++++++++++++++++++
ข้อมูลอ้างอิง
เว็บไซต์ : www.bangkokhealth.com


เขียนโดย   คุณ JP>>
วันที่ 22 ธ.ค. 2553 เวลา 17.24 น. [ IP : 124.122.227.249 ]


การดูแลสุขภาพของตัวเองและคนรอบข้างในช่วงหน้าหนาว
======================================

===ในปีนี้คงมีหลายๆคนเห็นว่าอากาศในประเทศไทยเราหนาวมากกว่าทุกปีและมีผู้คนป่วยและบางคนอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตเพราะความหนาว ดังนั้นหน้าหนาวปีนี้เรามาดูแลสุขภาพตัวเองและคนที่รักกันนะคะ เผื่อว่าความอบอุ่นจะช่วยคลายความหนาวเหน็บในฤดูกาลที่จะมาถึงนี้ลงได้บ้าง

===หากหนาวนี้คุณและเพื่อน ๆ เตรียมตัวจะไปเที่ยวบนดอยสัมผัสอากาศหนาว ขอแนะนำให้ออกกำลังกายเพิ่มความฟิตปั๋งของกล้ามเนื้อและเพิ่มความสมบูรณ์ของร่างกายล่วงหน้าเลยค่ะ จะได้ทนกับแรงกดดันอากาศบนดอยได้ และจะได้ไม่เหนื่อยง่าย ส่วนช่วงที่แคมป์ปิ้งแนะนำให้อาบน้ำเร็วกว่าปกติ เพราะหากอาบน้ำดึก น้ำก็จะเย็นมากไม่ดีต่อระบบไหลเวียนโลหิตค่ะ คุณอาจเป็นหวัดได้ง่าย ๆ ด้วย แต่หากคุณไปเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้ และไม่ลำบากเกินไปนักขอให้เตรียมอุปกรณ์ค้างแรมส่วนตัวไปด้วยนะคะ เพราะหากคุณเช่าสิ่งเหล่านี้ตามหน่วยบริการ เกรงว่าเครื่องนอนอาจจะไม่ถูกสุขลักษณะ นำเชื้อโรคและแมลงเป็นพิษ เช่น ตัวไรอ่อนมาทำลายสุขภาพและสร้างความรำคาญแก่คุณได้ค่ะ

============================

เขียนโดย   คุณ JP>>
วันที่ 23 ธ.ค. 2553 เวลา 11.05 น. [ IP : 124.122.227.249 ]
++หนาวนี้...มาดูแลผิวหน้ากันดีกว่า++
++++++++++++++++++++++++

++++++ดูแลผิวหน้าหนาวสำหรับสาวๆ ผิวแห้ง ตอนนี้เริ่มเข้าหน้าหนาวกันแล้ว สิ่งที่เห็นได้จากความเปลี่ยนแปลงของร่างกายคือสุขภาพผิวนั่นเอง โดยเฉพาะผิวแห้งยิ่งเป็นปัญหาใหญ่และเห็นได้ชัด หากไม่ได้รับการบำรุงดูแลเอาใจใส่แล้ว อาจจะทำให้ผิวของคุณเสียและขาดความมั่นใจ เพราะเกิดปัญหาผิวแตกลายได้ จึงมีวิธีมาแนะนำสำหรับสาวๆ ที่กำลังประสบปัญหาผิวช่วงหน้าหนาว



++++++กระชับรูขุมขนช่วงหน้าหนาว
อากาศหนาวจะทำให้ผิวของคนเราขาดความชุ่มชื่น โดยเฉพาะตอนที่เราอาบน้ำจะทำให้ผิวของเรามีความตึงมากยิ่งขึ้นกว่าปกติ หลังจากที่เราอาบน้ำแล้วภายใน 3 นาที เราก็ควรที่จะทาโลชั่นทันที เพื่อป้องกันผิวแตกแห้ง และเกิดเป็นขุยขาวได้

++++++สำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะคนที่ย่างเข้าวัย 20 ปลายๆ อาจจะรู้สึกว่ารูขุมขนดูขยายใหญ่ขึ้น ทุกๆ เช้าหลังล้างหน้า ให้นำน้ำแข็งลูบให้ทั่วหน้า ทำทุกวันจะรู้สึกได้เลยค่ะ ว่ารูขุมขนกระชับขึ้น ในระหว่างวันก็ดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวด้วยคะ

++++++ดูแลผิวหน้าหนาวสำหรับสาวผิวแห้ง
ผิวแห้งเป็นปัญหาที่เกิดจากผิวขาดวิตามินและความชุ่มชื้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวนี้ยิ่งแล้วใหญ่ อากาศหนาวจะทำให้ผิวของคุณแห้งยิ่งกว่าเดิม นอกจากคุณจะบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงแล้วก็ควรที่จะดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อผิวแห้งจะได้ชุ่มชื้นขึ้น

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวนี่เป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึงใช่ย่อยนะคะ แทนที่คุณสาวๆ ผิวแห้งจะใช้ผลิตภัณฑ์แบบต้องใช้น้ำเปล่าล้างเหมือนเคย ลองเปลี่ยนมาเป็นประเภทน้ำนมทำความสะอาดผิวดู เพราะนอกจากจะช่วยทำความสะอาดเครื่องสำอางและสลายเซลล์ผิวเก่าแล้ว ยังช่วยให้คุณสาวๆ ผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้นด้วยล่ะค่ะ

หนาวนี้สาวผิวแห้งก็คงจะทราบแล้วว่าควรจะทำอย่างไร เพื่อที่จะกระชับผิวให้ผิวมีสุขภาพดี ไม่แห้งแตกลายในช่วงหน้าหนาวที่กำลังประสบอยู่

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เขียนโดย   คุณ JP>>
วันที่ 30 ธ.ค. 2553 เวลา 12.10 น. [ IP : 58.11.56.126 ]
***โรคในฤดูหนาว***

+++++ฤดูหนาวมาถึงแล้ว คนทั่วไปมีโอกาสเสี่ยงจากความหนาวเย็น ที่จะทำให้เกิดโรคติดต่อได้ ดังนั้น จึงควรได้รับรู้ เพื่อการป้องกัน ดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัว

+++++จากการวิเคราะห์สถานการณ์โรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า โรคในฤดูหนาว ซึ่งจะมีผู้ป่วยจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อในกลุ่มไวรัส ได้แก่ โรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้สุกใส ส่วนโรคที่พบรองลงมา ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ซึ่งแต่ละโรคมีจำนวนผู้ป่วยในตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2549 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่า
โรคหัด                      2,464        ราย           ไม่มีผู้เสียชีวิต
โรคสุกใส (อีสุกอีใส)  40,112       ราย           เสียชีวิต  3     ราย
โรคคางทูม               5,536         ราย           ไม่มีผู้เสียชีวิต
โรคปอดบวม            101,693      ราย           เสียชีวิต 536  ราย
โรคไข้หวัดใหญ่       12,780        ราย            เสียชีวิต   2    ราย

++โรคหัด++

+++++โรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อทางลมหายใจ ภาคกลางพบผู้ป่วยมาก
⇒อาการ  มีไข้สูง ไอมาก ตาแดง หรือน้ำมูกไหล และมีผื่นแดงตามตัว โดยขณะที่ผื่นขึ้นนั้นยังมีไข้สูงอยู่ และอาจเกิดโรคแทรกได้ เช่น ปอดบวม อุจจาระร่วง สมองอักเสบ และหูชั้นกลางอักเสบ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่ขาดสารอาหารหรือเด็กน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
⇒พบมาก ช่วงฤดูหนาว โดยเพิ่มสูงมากเดือนมกราคมจนถึงมีนาคมของทุกปี โรคนี้มักพบในเด็ก วัยต่ำกว่า 15 ปี โดยเฉพาะเด็กอายุ 5-9 ขวบ และ ที่พบบ่อยคือกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน หรือได้รับวัคซีนเพียงเข็มเดียว
⇒การดูแลรักษา ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา กินยาลดไข้ รักษาตามอาการ
⇒การป้องกัน การฉีดวัคซีนในเด็กวัย 9-12 เดือน และกระตุ้นเมื่ออายุ 6 ขวบ

++โรคสุกใส (อีสุกอีใส)++

โรคสุกใสเกิดจากเชื้อไวรัส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบผู้ป่วยมาก
⇒อาการ ไข้ปานกลาง มีตุ่มใส และมีตุ่มหลายระยะ ในเวลาเดียวกัน ขึ้นที่หน้า ลำตัว แขน ขา และโดยเฉพาะเด็ก ถ้าเป็นในช่องปาก อาจทำให้ดูดนม หรือ กินอาหารได้น้อย
⇒พบมาก ช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคมทุกปี พบมากในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเฉพาะเด็กอายุ 5-9 ขวบ
⇒การดูแลรักษา ให้รักษาตามอาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากอาการป่วยในเวลาไม่นานและมักจะไม่มีโรคแทรกซ้อน ยกเว้นบางรายที่อาจมีการติดเชื้อโรคซ้ำบริเวณรอยแผลตุ่มใส ทำให้เกิดแผลเป็นได้
⇒การป้องกัน โรคนี้ติดต่อได้ค่อนข้างง่ายจากการสัมผัส แต่ถ้าคนที่เคยป่วยแล้ว จะมีภูมิต้านทานตลอดชีวิต (ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคนี้แล้ว แต่ยังมีราคาแพง)

++โรคคางทูม ++

โรคคางทูมเกิดจากเชื้อไวรัส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบผู้ป่วยมากที่สุด
⇒อาการ มีไข้ปานกลาง ต่อมนำเหลืองหน้ากกหูโต และมักโตทั้ง ๒ ข้าง
⇒พบมาก ที่สุดในฤดูหนาว ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมถึงมีนาคม และพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเฉพาะอายุ 5-9 ขวบพบมากที่สุด
⇒การดูแลรักษา ให้รักษาตามอาการ และอาการมักจะไม่รุนแรง แต่ถ้าพบโรคนี้ในเด็กโต อาจจะเกิดภาวะข้างเคียงได้คือ ลูกอัณฑะอักเสบ
⇒การป้องกัน โรคนี้ไม่รุนแรง อาจจะไม่จำเป็นต้องแยกผู้ป่วย แต่ต้องแยกผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม และผ้าเช็ดหน้า

++โรคปอดบวม++

โรคปอดบวม เกิดได้ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย แต่ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบผู้ป่วยมากที่สุด
⇒อาการ ไข้ ไอ เสมหะมาก แน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ออก หอบ หายใจเร็ว มักพบตามหลังไข้หวัดเรื้อรังหรือรุนแรง หรือโรคหลอดลมอักเสบ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นโรคหอบหืด
⇒พบมาก ที่สุดในฤดูฝน และพบได้บ่อยในฤดูหนาว เช่นกัน กลุ่มอายุที่พบมากคือ อายุต่ำกว่า 10 ขวบ โดยเฉพาะเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุ
⇒การดูแลรักษา ลูกหลานและญาติที่ป่วยเป็นไข้หวัดหรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โดยไปพบแพทย์ในเบื้องต้น และถ้าอาการยังไม่ทุเลา ก็ควรไปพบแพทย์ซ้ำ เพื่อติดตามการรักษาต่อไป
การดูแลอื่นๆ ได้แก่ การทำร่างกายให้อบอุ่น การดื่มน้ำอุ่น การอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่แออัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการหายใจรับเชื้อเข้าไป
สำหรับบุคคลทั่วไป เวลาไอ จาม ควรมีผ้าเช็ดหน้า ปิดปาก จมูก ด้วยทุกครั้ง และหมั่นล้างมือ

++ไข้หวัดใหญ่ ++

โรคไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ปี พ.ศ.2549 นี้พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สูงสุดในภาคกลาง
⇒อาการ ไข้สูง ปวดศีรษะมาก ปวดเมื่อยตามตัวมาก อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน พบมากที่สุดในฤดูฝน และพบได้บ่อยในฤดูหนาวเช่นกัน กลุ่มอายุที่พบ มักเป็น กลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงาน และเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ
⇒การดูแลรักษา ควรพบแพทย์แต่เนิ่นๆ
⇒การป้องกัน ควรทำร่างกายให้แข็งแรง และอบอุ่นอยู่เสมอ

+++++อย่างไรก็ตาม ทั้งโรคปอดบวมและไข้หวัดใหญ่ จะต้องมีการเฝ้าระวังและดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็น โรคที่มีอาการสำคัญของโรคที่คล้ายและใกล้เคียงกับ โรคไข้หวัดนก
จากรายงานเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา ด้านสถานการณ์โรคไข้หวัดนก มีรายงานยืนยันผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก ในปี พ.ศ.2549 นี้ จำนวน 3 รายและเสีย ชีวิตทั้ง 3 ราย ที่จังหวัดพิจิตร อุทัยธานี และหนองบัวลำภู
++++++++++++++++++++++++++






เขียนโดย   คุณ JP>>
วันที่ 5 ม.ค. 2554 เวลา 09.26 น. [ IP : 124.122.228.73 ]
     
: รายละเอียด  
 
: แนบไฟล์   เลือกไฟล์ 
 
: ชื่อผู้เขียน  
 
 
 
(1)